7 เจ้าของทีมฟุตบอล จากธุรกิจสู่เกม รู้จักผู้สร้างตำนานวงการลูกหนัง

เนื้อหาบทความ

ฟุตบอล นอกจากเราจะดูเพื่อเป็นสนามที่เราจะได้เห็นการผสมผสานระหว่างธุรกิจและกีฬาอย่างลงตัวเลยทีเดียว เจ้าของทีมและผู้บริหารที่มีไฟในการทำงานได้เอาประสบการณ์จากวงการธุรกิจมาปรับใช้กับการบริหารทีม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลเลยนะครับ วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 7 เจ้าของทีมฟุตบอล ผู้อยู่เบื้องหลังทีมดังระดับโลกกันครับ แต่ละคนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้แฟนบอลทั่วโลกได้ตื่นเต้น ตั้งแต่ดีลซื้อทีมที่เป็นข่าวใหญ่โต ไปจนถึงการสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่ แต่ละคนไม่ได้เป็นแค่เจ้าของทีมนะครับ แต่เป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการลูกหนังที่เรารักกันมาจนถึงทุกวันนี้ครับ


1.รามอน อาบราโมวิช (Roman Abramovich) – เชลซี

1.รามอน อาบราโมวิช (Roman Abramovich) – เชลซี

รามอน อาบราโมวิช เป็นมหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่รวยมาจากธุรกิจน้ำมันและอัลลูมิเนียมครับ แต่ที่ทำให้วงการฟุตบอลต้องจารึกชื่อเขาไว้คือตอนที่เขาควักเงิน 140 ล้านปอนด์ซื้อทีมเชลซีในปี 2003 ครับ การมาของเขาไม่ใช่แค่ช่วยเชลซีรอดจากวิกฤตการเงินนะครับ แต่ยังเปิดศักราชใหม่ของการลงทุนมหาศาลในวงการฟุตบอลอังกฤษด้วยครับ

ผลกระทบต่อพัฒนาการของเชลซี

พอคุณอาบราโมวิชเข้ามา เชลซีก็เปลี่ยนไปเป็นคนละทีมเลยครับ เขาทุ่มทุนซื้อนักเตะระดับโลก จ้างผู้จัดการทีมชั้นนำ จนทีมประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก แชมป์ยูฟ่า และอีกมากมายครับ จนตอนนี้เชลซีกลายเป็นทีมยักษ์ใหญ่ระดับโลกไปแล้วครับ

การสร้างความยั่งยืนในเชิงการเงินและกีฬา

ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ คุณอาบราโมวิชไม่ได้แค่ทุ่มเงินซื้อนักเตะอย่างเดียวนะครับ เขายังลงทุนพัฒนาทุกอย่างของสโมสร ทั้งปรับปรุงสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ให้ทันสมัย สร้างสนามซ้อมสุดหรู และที่สำคัญคือการพัฒนาอคาเดมีเพื่อสร้างนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาเองครับ ทำให้เชลซีแข็งแกร่งและยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ


2.เชค มันซูร์ (Sheikh Mansour) – แมนเชสเตอร์ ซิตี้

2.เชค มันซูร์ (Sheikh Mansour) – แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เชค มันซูร์ บิน ซายิด อัล นาห์ยัน เข้ามาซื้อแมนฯ ซิตี้ในปี 2008 แล้วทำให้ทีมเปลี่ยนไปแบบพลิกฟ้าพลิกดินเลยครับ เขาทุ่มเงินเป็นร้อยๆ ล้านปอนด์ ซื้อนักเตะดังๆ มาเพียบ ปรับปรุงสนามให้สวยงาม สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ จนตอนนี้ซิตี้กลายเป็นทีมระดับโลกไปแล้วครับ

ความสำเร็จในระดับประเทศและยุโรป

ด้วยการลงทุนแบบไม่มีกั๊กของเชค มันซูร์ ทำให้ซิตี้ประสบความสำเร็จมากมายเลยครับ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองหลายสมัย ได้แชมป์เอฟเอคัพ ลีกคัพ และที่เจ๋งสุดๆ คือไปไกลถึงแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยครับ นี่แหละครับที่พิสูจน์ว่าเงินที่เชคมันซูร์ลงทุนไป ไม่ได้ให้ผลแค่ช่วงสั้นๆ แต่ทำให้ทีมแข็งแกร่งในระยะยาวด้วยครับ

โครงการพัฒนาเยาวชนและชุมชน

แต่รู้ไหมครับว่า เชคมันซูร์ไม่ได้สนใจแค่เรื่องในสนามนะครับ เขายังใส่ใจเรื่องการพัฒนาเด็กๆ และชุมชนด้วย อคาเดมี่ของซิตี้ได้รับการลงทุนอย่างหนัก เพื่อผลิตนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดี และที่เจ๋งไปกว่านั้นคือโครงการ City in the Community ที่ช่วยเหลือคนในท้องถิ่นทั้งด้านการศึกษาและสุขภาพครับ แบบนี้ไม่เพียงแต่จะได้แฟนบอลเพิ่มขึ้น แต่ยังช่วยให้ชุมชนรอบๆ สโมสรเติบโตไปด้วยกันครับ


3.จอห์น เฮนรี (John W. Henry) – ลิเวอร์พูล

3.จอห์น เฮนรี (John W. Henry) – ลิเวอร์พูล

จอห์น เฮนรี เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลคนปัจจุบันผ่านบริษัท Fenway Sports Group มีวิธีบริหารทีมที่น่าสนใจมากเลยครับ เขาเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากภายในทีม แทนที่จะทุ่มเงินซื้อแต่นักเตะดังๆ เขากลับมองหาผู้เล่นที่มีศักยภาพและพร้อมจะเติบโตไปกับทีม นอกจากนี้ยังวางระบบการเล่นให้เข้ากันทั้งสโมสร ทำให้ทีมแข็งแกร่งแม้จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นไปบ้างครับ

ความสำเร็จของทีมหลังการเข้ามาของเขา

ตั้งแต่เข้ามาในปี 2010 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนไปเยอะมากเลยครับ กวาดแชมป์มาได้หลายรายการ ที่สำคัญที่สุดคือแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี ในฤดูกาล 2019-2020 และแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2019 ทำให้หงส์แดงกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งครับ

การปรับปรุงสนามแอนฟิลด์

เรื่องสนามแอนฟิลด์นี่ก็เป็นอีกโปรเจกต์ใหญ่ของจอห์น เฮนรีเลยนะครับ เขาทุ่มงบปรับปรุงให้ทันสมัยและรองรับคนได้มากขึ้น เริ่มจากการสร้าง Main Stand ใหม่ในปี 2016 ทำให้จุคนได้ถึง 54,000 ที่นั่ง และกำลังจะขยาย Anfield Road Stand เพิ่มอีกด้วยครับ แฟนบอลได้ดูเกมสบายขึ้น สโมสรก็มีรายได้เพิ่ม ภาพลักษณ์ก็ดูดีขึ้นไปอีกครับ


4. สตาน โครเอนเก้ (Stan Kroenke) – อาร์เซนอล

4. สตาน โครเอนเก้ (Stan Kroenke) – อาร์เซนอล

สตาน โครเอนเก้ เริ่มเข้ามาถือหุ้นอาร์เซนอลตั้งแต่ปี 2007 แล้วค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนจนเป็นเจ้าของรายใหญ่ในปี 2011 ก่อนจะเทคโอเวอร์เต็มตัวในปี 2018 ครับ พอเขาเข้ามา ก็เปลี่ยนวิธีบริหารการเงินและจัดการทีมใหม่หมดเลย แต่ที่น่าสนใจคือเขาเน้นเรื่องความมั่นคงทางการเงินมากกว่าการทุ่มเงินซื้อแชมป์ ซึ่งก็ทำให้แฟนบอลหลายคนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะครับ

แนวทางในการพัฒนาทีมและสนามกีฬา

โครเอนเก้มีสไตล์การทำทีมที่ค่อนข้างระมัดระวังครับ เขาชอบใช้ทรัพยากรที่มีอยู่และลงทุนแบบคิดหน้าคิดหลัง สนามเอมิเรตส์ก็ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นเยอะ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องซื้อนักเตะดังๆ นี่ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่ครับ เขาชอบดึงดูดนักเตะดาวรุ่งจากอคาเดมีมากกว่า ซึ่งก็ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของทีมพอสมควรเลยนะครับ

ความท้าทายและวิจารณ์จากแฟนบอล

ผมต้องบอกว่าแฟนบอลอาร์เซนอลค่อนข้างไม่แฮปปี้กับการบริหารงานของโครเอนเก้เลยครับ หลายคนมองว่าเขาสนใจแต่เรื่องทำกำไร ไม่ได้ตั้งใจจะพาทีมไปคว้าแชมป์จริงๆ แผนการเล่นฟุตบอลไม่เฉียบขาด ยิ่งทีมขาดแชมป์ใหญ่มานาน ไม่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกบ่อยๆ แฟนบอลก็ยิ่งหงุดหงิดครับ ตอนนี้โจทย์ใหญ่ของเขาคือต้องหาจุดกลางให้เจอว่าจะบริหารเงินยังไงให้รอบคอบ แต่ก็ต้องทำให้ทีมสู้กับใครเขาได้ด้วยครับ


5.อันเดรีย อันเชล็อตติ (Andrea Agnelli) – ยูเวนตุส

5.อันเดรีย อันเชล็อตติ (Andrea Agnelli) – ยูเวนตุส

อันเดรีย อันเชล็อตติ เข้ามาเป็นประธานยูเวนตุสตั้งแต่ปี 2010 นะครับ ต้องบอกว่าเขาเข้ามาช่วงที่ทีมกำลังแย่มากๆ หลังจากคดี Calciopoli แต่เขาก็สามารถพลิกฟื้นทีมให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ทั้งในอิตาลีและยุโรปเลยครับ เขาปรับเปลี่ยนระบบบริหารใหม่หมด ลงทุนอย่างฉลาด พัฒนาทั้งสนามและศูนย์ฝึกให้ทันสมัย จนทีมกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งครับ

กลยุทธ์ในการพัฒนาและการจัดการทีม

ผมชอบวิธีการทำทีมของอันเชล็อตตินะครับ เขาเน้นซื้อนักเตะคุณภาพสูง แต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงดาวรุ่งมาผสมผสานกับนักเตะมากประสบการณ์ครับ ที่เห็นได้ชัดคือการดึงผู้จัดการทีมฝีมือดีอย่างอัลเลกรีกับคอนเต้มาคุมทีม ทำให้ยูเวนตุสผงาดคว้าแชมป์ลีกหลายสมัย และไปไกลในแชมเปี้ยนส์ลีกได้เรื่อยๆ เลยครับ

ความสำเร็จและความล้มเหลว

พูดถึงความสำเร็จ ต้องยกให้การพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอาหลายสมัยติดต่อกัน รวมถึงแชมป์ถ้วยในประเทศอีกหลายรายการครับ แต่ก็มีจุดที่น่าเสียดายอยู่บ้าง คือยังไม่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้ครับ บางคนก็มองว่าเขาใช้เงินเยอะเกินไป ทำให้ทีมไม่มั่นคงในระยะยาว แถมยังมีเรื่องที่ไปร่วมก่อตั้งซูเปอร์ลีกยุโรป ทำให้โดนแฟนบอลวิจารณ์หนักมากๆ เลยครับ


6.เนสเซอร์ อัล-เคไลฟี (Nasser Al-Khelaifi) – ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

6.เนสเซอร์ อัล-เคไลฟี (Nasser Al-Khelaifi) – ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

อัล-เคไลฟีเข้ามาเป็นประธาน PSG ในปี 2011 ครับ หลังจากที่กลุ่ม QSI เข้ามาซื้อทีม ต้องบอกว่าเขาทำให้ทีมเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ จากทีมธรรมดาๆ ในลีกฝรั่งเศส กลายเป็นทีมยักษ์ใหญ่ระดับโลก เขาทุ่มทุนซื้อนักเตะเก่งๆ มาเพียบ จนตอนนี้ PSG กลายเป็นทีมที่ใครๆ ก็ต้องจับตามองในเวทียุโรปเลยครับ

นโยบายการซื้อนักเตะและผลกระทบต่อวงการฟุตบอล

เรื่องซื้อนักเตะนี่ อัล-เคไลฟีไม่เล่นเลยครับ ดึงตัวท็อปๆ มาทั้งนั้น อย่างเนย์มาร์กับเอ็มบัปเป้ที่เห็นกันอยู่ แต่ที่น่าสนใจคือการซื้อนักเตะแพงๆ แบบนี้ ไม่ได้แค่ทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นนะครับ มันยังทำให้ลีกฝรั่งเศสน่าติดตามมากขึ้น แถมยังจุดประเด็นถกเถียงเรื่องเงินในวงการฟุตบอลไปทั่วโลกด้วยครับ

การสร้างแบรนด์ในระดับโลก

อัล-เคไลฟีฉลาดมากครับ เขาไม่ได้มองแค่เรื่องในสนาม แต่ยังผลักดันให้ PSG เป็นแบรนด์ดังระดับโลก จับมือกับแบรนด์ดังอย่าง Nike และ Air Jordan สร้างรายได้มหาศาลจากการขายของที่ระลึกครับ ที่เด่นสุดคือการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้มีแฟนบอลเพิ่มขึ้นทั่วโลก จนตอนนี้ PSG กลายเป็นมากกว่าทีมฟุตบอลไปแล้วครับ


7.โจ ลูอิส (Joe Lewis) – ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์

7.โจ ลูอิส (Joe Lewis) – ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์

โจ ลูอิสเป็นเจ้าของหลักของ ENIC Group นะครับ เขาเข้ามาถือหุ้นใหญ่ท็อตแนมตั้งแต่ปี 2001 เลยครับ ต้องบอกว่าเขาทุ่มทุนให้ทีมเยอะมากๆ ทั้งเรื่องนักเตะและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จนทีมเติบโตขึ้นมาจากทีมกลางๆ กลายเป็นทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีกที่การเงินแข็งแกร่งเลยครับ เขาดึงตัวนักเตะดังๆ มาร่วมทีม จ้างโค้ชฝีมือดีสไตล์ทีมการเล่นเยี่ยม ทำให้ทีมไปไกลทั้งในลีกและในยุโรปครับ

การพัฒนาสนามและสิ่งอำนวยความสะดวก

โปรเจกต์ใหญ่ที่สุดของลูอิสคือการสร้างสนาม Tottenham Hotspur Stadium ที่เพิ่งเปิดใช้เมื่อปี 2019 ครับ สนามนี้ทันสมัยสุดๆ เลยนะครับ จุคนได้ตั้ง 62,000 คน มีทั้งร้านอาหาร โซนเบียร์ และพื้นที่ขายของเพียบเลย ไม่ใช่แค่ทำเงินให้ทีมอย่างเดียว แต่ยังทำให้แฟนบอลมีความสุขและทำให้ท็อตแนมดังไปทั่วโลกด้วยครับ

ประเด็นความท้าทายและการตอบสนองต่อแฟนบอล

แม้ว่าลูอิสจะทำผลงานได้ดีหลายอย่าง แต่ก็มีติงกันอยู่บ้างนะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่ยังไม่เคยได้แชมป์ใหญ่เลย บางทีแฟนบอลก็ไม่ค่อยพอใจเรื่องซื้อขายนักเตะด้วยครับ แต่สโมสรก็พยายามสื่อสารกับแฟนๆ ตลอด บอกเล่าวิสัยทัศน์และแผนงานในอนาคต เพื่อให้แฟนบอลยังรักและเชียร์ทีมต่อไปครับ


จากบทความนี้จะเห็นได้ว่า เจ้าของทีมฟุตบอล แต่ละคนไม่ได้แค่สนับสนุนเรื่องเงินทุนเท่านั้นนะครับ แต่พวกเขายังนำวิสัยทัศน์และไอเดียใหม่ๆ มาพัฒนาทีมด้วย จนทำให้หลายทีมกลายเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเลยครับ ถ้าดูจากการทำงานของผู้บริหารเหล่านี้ พวกเขาเอาความรู้และประสบการณ์จากวงการธุรกิจมาปรับใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยนะครับ ไม่ใช่แค่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จในสนามอย่างเดียว แต่ยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชนรอบๆ สโมสรด้วย ผมว่านี่แหละครับที่ทำให้ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬาธรรมดา แต่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารจัดการเลยทีเดียว


คำถามที่พบบ่อย

1.เจ้าของทีมมีส่วนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

เจ้าของทีมเป็นคนสำคัญที่คอยดูแลเรื่องเงินทุนและวางนโยบายต่างๆ ของทีมครับ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ เลือกโค้ชที่เก่งๆ หรือสร้างสนามซ้อมที่ทันสมัย ทั้งหมดนี้ช่วยให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยนะครับ

2.ทำไมประสบการณ์ทางธุรกิจถึงสำคัญกับการบริหารทีมฟุตบอล?

จริงๆ แล้วการดูแลทีมฟุตบอลก็เหมือนการทำธุรกิจเลยนะครับ ต้องรู้จักบริหารคน บริหารเงิน และสร้างแบรนด์ให้คนจดจำ ถ้าเจ้าของทีมมีประสบการณ์ด้านธุรกิจมาก่อน ก็จะช่วยให้พาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้นครับ

3.เจ้าของทีมช่วยพัฒนาชุมชนได้อย่างไรบ้าง?

หลายทีมเขาทำโครงการดีๆ เพื่อชุมชนเยอะเลยนะครับ เช่น เปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลให้เด็กๆ สนับสนุนการศึกษา หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ แบบนี้ทำให้คนในชุมชนรู้สึกว่าทีมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาจริงๆ ครับ

4.มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง เมื่อมีเจ้าของทีมคนใหม่เข้ามา?

เปลี่ยนเยอะมากเลยครับ ทั้งการปรับปรุงสนามให้สวยงาม ทุ่มเงินซื้อนักเตะดังๆ นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการซ้อม แถมยังทำการตลาดเก่งจนมีแฟนบอลเพิ่มขึ้นและรายได้งอกเงยขึ้นเยอะเลยครับ

Scroll to Top