6 โค้ชฟุตบอล ระดับตำนาน ส่องสไตล์การวางแผนของทีมระดับโลก

เนื้อหาบทความ

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ รู้มั้ยครับว่าโค้ชนี่ไม่ใช่ได้มีหน้าที่แค่คอยวางแผนหรือวิเคราะห์เกมอย่างเดียว แต่ต้องเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจและความมั่นใจให้ทีมได้ด้วยครับ ด้วยความทุ่มเทและฝีมือชั้นเซียน ทำให้หลายคนได้รับการยกย่องเป็นตำนานของวงการลูกหนัง และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จระดับโลกเลยทีเดียวครับ ในบทความนี้ ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 6 โค้ชฟุตบอล ระดับตำนานที่มีสไตล์การคุมทีมสุดเจ๋งในช่วงปี 2015 ถึง 2025 กันครับ แต่ละคนมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกันเลยนะครับ บางคนชอบเน้นครองบอล บางคนถนัดเล่นเกมรับแบบแน่นปึ้ก เราจะได้เห็นว่าแต่ละคนพาทีมไปสู่ความสำเร็จด้วยวิธีที่แตกต่างกันยังไง พร้อมกับเรื่องราวการโค้ชที่น่าทึ่งของพวกเขาครับ


ทำไมเราต้องรู้สไตล์และแนวทางการวางแผนที่แตกต่างกันของ โค้ชฟุตบอล ?

ทำไมเราต้องรู้สไตล์และแนวทางการวางแผนที่แตกต่างกันของ โค้ชฟุตบอล ?

การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสไตล์การคุมทีมและแนวทางการวางแผนที่แตกต่างกันของโค้ชระดับตำนานนั้นมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการพัฒนาวงการฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นสำหรับแฟนบอล นักกีฬา หรือผู้ที่ทำงานในวงการลูกหนัง มาดูกันว่าการศึกษาเรื่องนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

  1. เพิ่มความเข้าใจในเกม: พอเรารู้จักสไตล์ของแต่ละโค้ช เราก็จะเข้าใจได้เลยครับว่าทำไมทีมถึงเล่นแบบนี้ ทำให้เราดูบอลสนุกขึ้น และวิเคราะห์เกมได้แม่นยำขึ้นด้วยครับ
  2. การศึกษากลยุทธ์: สำหรับคนที่ทำงานด้านฟุตบอลหรือสนใจจริงๆ การเรียนรู้จากโค้ชดังๆ ช่วยให้เอาเทคนิคต่างๆ ไปปรับใช้กับทีมของตัวเองได้เลยครับ
  3. ประเมินผลกระทบต่อผู้เล่น: โค้ชแต่ละคนมีเสน่ห์ไม่เหมือนกันครับ บางคนทำให้นักเตะเล่นได้ดีขึ้น บางคนก็อาจจะไม่เวิร์ค เราจะได้เข้าใจว่าทำไมฟอร์มถึงขึ้นๆ ลงๆ เวลาเปลี่ยนโค้ชครับ
  4. เพื่อการวางแผนระยะยาว: ผู้บริหารทีมจะได้รู้ว่าควรจ้างโค้ชแบบไหนมาคุมทีม ให้เข้ากับเป้าหมายและสไตล์ของสโมสรครับ
  5. เป็นแรงบันดาลใจ: โค้ชรุ่นใหม่ได้ไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาทีม ได้เห็นวิธีการสอนที่แปลกใหม่ และนำไปปรับใช้กับทีมของตัวเองได้ครับ

เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่กับแฟนบอลนะครับ แต่คนทำงานในวงการฟุตบอลก็ได้ประโยชน์เยอะมากเลย ยิ่งเข้าใจลึกซึ้ง ก็ยิ่งเอาไปใช้ได้หลายแบบครับ


1.เป็ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola)

1.เป็ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola)

เป็ปเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะดาวดังของบาร์ซ่าก่อนจะผันตัวมาเป็นโค้ชครับ พอได้คุมทีมบาร์เซโลน่าในปี 2008 เขาก็สร้างประวัติศาสตร์เลยนะครับ คว้าแชมป์ได้ครบทั้งสามรายการในปีแรก แถมยังพาทีมเล่นได้สวยงามจนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยครับ ใครๆ ก็ชื่นชมการครองบอลและเกมรุกที่ดุดันของพวกเขา

พอจากบาร์ซ่าในปี 2012 เขาก็ไปสร้างชื่อต่อที่บาเยิร์น มิวนิกครับ ที่นั่นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คว้าแชมป์บุนเดสลีกาติดต่อกันหลายปี เล่นฟุตบอลได้สวยงามน่าดูมากๆ เลยครับ

ล่าสุดตั้งแต่ปี 2016 เขามาคุมแมนฯ ซิตี้ครับ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก พาทีมขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ของอังกฤษและยุโรป คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองหลายสมัย และที่สุดยอดที่สุดคือการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จครับ

สไตล์การเล่นที่โดดเด่น

พูดถึงสไตล์การเล่นของเป็ป ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์มากๆ ครับ เน้นครองบอลและเล่นบอลสั้นในพื้นที่แคบ ทำให้ทีมยิงประตูได้เยอะจากจังหวะที่เล่นกันอย่างลงตัว แถมยังมีการกดดันคู่ต่อสู้สูงด้วยนะครับ พอเสียบอลก็รีบไล่เพรสซิ่งทันที เห็นได้ชัดในทุกทีมที่เขาคุม ทั้งบาร์ซ่า บาเยิร์น และซิตี้ครับ

ที่เท่ไปกว่านั้นคือการที่เขาใช้นักเตะได้หลากหลายตำแหน่ง เน้นการเล่นเป็นทีม ทำให้คู่ต่อสู้คาดเดาแทบไม่ได้เลยว่าจะเล่นยังไง และปรับแผนได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์ในเกม นี่แหละครับที่ทำให้เป็ปเป็นโค้ชที่น่าจับตามองและประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลครับ


2.เยอร์เกน คล็อปป์ (Jürgen Klopp)

2.เยอร์เกน คล็อปป์ (Jürgen Klopp)

เยอร์เกน คล็อปป์เป็นโค้ชที่มีเสน่ห์และฝีมือสุดยอดในยุโรปเลยครับ เส้นทางของเขาเริ่มจากการเป็นนักเตะที่ไมนซ์ 05 ในเยอรมนี พอแขวนสตั๊ดปุ๊บ ก็รับงานคุมทีมเดิมเลยในปี 2001 และทำผลงานได้ดีมาก พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นบุนเดสลีกาได้สำเร็จครับ

หลังจากนั้นเขาย้ายไปคุมดอร์ทมุนด์ในปี 2008 ที่นี่แหละครับที่ทำให้เขาดังระเบิด พาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสองปีซ้อนในปี 2011 กับ 2012 แถมยังพาทีมทะลุถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2013 อีกด้วยครับ

พอถึงปี 2015 คล็อปป์ก็มาเขย่าวงการพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล ทำทีมได้สุดยอดมากครับ คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2019 และที่เด็ดสุดคือการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีในฤดูกาล 2019-2020 ครับ

สไตล์การเล่นที่โดดเด่น

เอกลักษณ์ของคล็อปป์คือการเล่นแบบ “เกเกนเพรสซิ่ง (Gegenpressing)” ครับ คือพอเสียบอลปุ๊บ ต้องรีบไล่เพรสซิ่งเอาบอลคืนมาทันที แล้วโจมตีเร็วสวนกลับไปเลย เวลาดูทีมของเขาเล่นมันส์มากครับ ใช้ความเร็วของปีกและกองหน้าบุกแบบจี๊ดจ๊าด จะเปิดข้างหรือเจาะกลางก็ได้หมดครับ

นักเตะในทีมของเขาต้องเป็นพวกที่เทคนิคดี ส่งบอลแม่น วิ่งไว และมีไหวพริบในการเลี้ยงบอล ทำให้ยิงประตูได้เยอะมากครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือคล็อปป์เก่งเรื่องสร้างความสามัคคีในทีม ทำให้นักเตะทุกคนเล่นเพื่อทีม และสู้กันสุดใจทั้งในและนอกสนามเลยครับ


3.ซีเนอดีน ซีดาน (Zinedine Zidane)

3.ซีเนอดีน ซีดาน (Zinedine Zidane)

ซีดานเป็นตำนานนักเตะระดับโลกก่อนจะผันตัวมาเป็นโค้ชชื่อดังครับ ตอนเป็นนักเตะนี่เก่งมากๆ เล่นให้ทั้งยูเวนตุสและเรอัล มาดริด แถมยังพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกปี 98 กับแชมป์ยูโร 2000 มาครองได้อีกด้วยครับ

พอแขวนสตั๊ด ซีดานก็เริ่มต้นเส้นทางโค้ชที่เรอัล มาดริดครับ จากผู้ช่วยโค้ชไต่เต้าขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ในปี 2016 ผลงานสุดยอดมากครับ พาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสามปีซ้อน (2016-2018) ซึ่งไม่มีโค้ชคนไหนทำได้มาก่อนในยุคนี้เลยครับ นอกจากนี้ยังกวาดแชมป์ลาลีกาและแชมป์สโมสรโลกมาอีกหลายครั้งด้วยนะครับ

สไตล์การเล่นที่โดดเด่น

ซีดานเน้นสไตล์ครองบอลและโจมตีแบบมีประสิทธิภาพครับ ให้ความสำคัญกับการส่งบอลแม่นๆ และการวิ่งไปรอรับบอลในจังหวะที่ใช่ เก่งมากเรื่องการดึงศักยภาพของดาวเด่นในทีมออกมาใช้ครับ ส่วนเรื่องเกมรับก็ใช้การประกบตัวต่อตัว แต่พร้อมปรับแผนตลอดถ้าจำเป็นครับ

ซีดานชอบจัดทีมในระบบ 4-3-3 หรือ 4-4-2 ครับ ให้นักเตะสลับตำแหน่งกันได้อิสระ เน้นใช้กองกลางที่ทั้งครองบอลเก่งและสร้างโอกาสทำประตูได้ด้วย ที่เจ๋งสุดๆ คือการเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้เฉียบขาดครับ หลายครั้งช่วยพลิกเกมจากที่เสียเปรียบให้กลับมาชนะได้ นี่แหละครับที่ทำให้เขาเป็นโค้ชระดับตำนานที่ใครๆ ก็ยอมรับครับ


4.แอนโตนิโอ คอนเต้ (Antonio Conte)

4.แอนโตนิโอ คอนเต้ (Antonio Conte)

คอนเต้เป็นอดีตนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากๆ กับยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลีครับ พอแขวนสตั๊ดก็ผันตัวมาเป็นโค้ช เริ่มจากทีมเล็กๆ อย่างบารีกับซีเอน่า ก่อนจะมาดังสุดๆ ตอนคุมยูเวนตุสในปี 2011 ครับ ที่นี่เขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกสามปีซ้อนเลยนะครับ

หลังจากนั้นก็ได้คุมทีมชาติอิตาลี พาทีมเข้ารอบ 8 ทีมยูโร 2016 ได้สวยงามครับ แล้วก็ย้ายไปเชลซี ซึ่งสุดยอดมากๆ เพราะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปีแรกเลย แถมยังได้แชมป์เอฟเอคัพอีกต่างหากครับ

ล่าสุดเขาไปคุมอินเตอร์ มิลาน ตั้งแต่ปี 2019 และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ ถึงขนาดพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอาปี 2021 ทำลายการผูกขาดแชมป์ของยูเวนตุสที่ครองมาเกือบ 10 ปีเลยทีเดียวครับ

สไตล์การเล่นที่โดดเด่น

คอนเต้เป็นโค้ชที่เน้นระเบียบวินัยสูงมากๆ ครับ จากสถิติฟุตบอลออนไลน์แล้วจะชอบจัดทีมในระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-3 ที่มีกองหลัง 3 คน พร้อมปีกที่วิ่งขึ้นลงไม่มีหมดครับ ทำให้ทีมแข็งแกร่งทั้งรับและรุก โจมตีได้หลากหลายรูปแบบผ่านปีกและกองกลางเลยครับ

ที่น่าทึ่งอีกอย่างคือเขาซ้อมทีมหนักมากๆ ครับ เพื่อให้นักเตะฟิตพร้อมลุยตลอด 90 นาที เป็นโค้ชที่เข้มงวดและคาดหวังสูงจากลูกทีม แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าครับ จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่เก่งที่สุดในโลก สร้างทีมที่แข็งแกร่งและพร้อมสู้ในทุกรายการแข่งขันได้เลยครับ


5.ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ (Diego Simeone)

5.ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ (Diego Simeone)

ซิเมโอเน่เป็นอดีตกองกลางระดับท็อปที่ผันตัวมาเป็นโค้ชได้อย่างสุดยอดเลยครับ เขาเริ่มคุมแอตเลติโก มาดริดตั้งแต่ธันวาคม 2011 และทำผลงานได้ร้อนแรงมากๆ ถึงขนาดพาทีมคว้าแชมป์ยูโรปาลีกได้ภายในไม่กี่เดือนแรกเลยนะครับ

ที่โดดเด่นสุดๆ คือตอนพาแอตเลติโกคว้าแชมป์ลาลีกาปี 2014 ซึ่งรอมาตั้ง 18 ปีเลยครับ แถมยังพาทีมเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกถึงสองครั้งในปี 2014 กับ 2016 ด้วย แม้จะพ่ายให้เรอัล มาดริดทั้งสองครั้ง แต่ก็ถือว่าเก่งมากๆ แล้วครับ นอกจากนี้ยังกวาดแชมป์มาอีกเพียบ ทั้งโกปา เดล เรย์ ซูเปอร์คัพยุโรป และแชมป์สโมสรโลกด้วยครับ

สไตล์การเล่นที่โดดเด่น

ซิเมโอเน่มีสไตล์การคุมทีมที่แข็งแกร่งและมีวินัยสูงมากๆ ครับ เน้นเกมรับที่แน่นปึ้กแล้วค่อยโต้กลับ จัดทีมแบบ 4-4-2 ที่มีกองกลางขยันวิ่งสุดๆ ทำให้ควบคุมพื้นที่ในสนามได้ดีเยี่ยม และปิดพื้นที่คู่แข่งได้แทบจะสนิทเลยครับ

เขาให้ความสำคัญกับความฟิตทั้งร่างกายและจิตใจของนักเตะมากๆ ครับ ทีมของเขาเลยขึ้นชื่อเรื่องความอึดและแกร่งในช่วงท้ายเกม มักจะยิงประตูสำคัญๆ ได้บ่อย และเล่นได้ดีในเกมใหญ่ๆ ด้วยครับ ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่ยอมแพ้และดุดันนี่แหละครับ ทำให้เขากลายเป็นโค้ชที่ใครๆ ก็ยอมรับในวงการบอลยุคใหม่เลยครับ


6.โทมัส ทูเคิล (Thomas Tuchel)

6.โทมัส ทูเคิล (Thomas Tuchel)

โทมัส ทูเคิลเริ่มต้นคุมทีมใหญ่กับไมนซ์ 05 ในปี 2009 หลังจากทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับทีมเยาวชนครับ เขาช่วยพัฒนาทีมให้เล่นได้แข็งแกร่งและรักษาที่ยืนในบุนเดสลีกาได้สำเร็จครับ พอปี 2015 เขาก็ย้ายไปคุมดอร์ทมุนด์ ที่นั่นเขาสร้างทีมให้เล่นเกมรุกสุดดุดัน ยิงประตูเยอะ โดยเฉพาะจากการโต้กลับที่รวดเร็วและแม่นยำ จนคว้าแชมป์ถ้วย DFB-Pokal มาครองได้ในฤดูกาล 2016-2017 ครับ

ต่อมาเขาได้คุมทีม PSG ในปี 2018 ที่นี่เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงหลายสมัย และพา PSG เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในปี 2020 ด้วยครับ หลังจากนั้นเขาย้ายมาคุมเชลซีช่วงต้นปี 2021 และทำผลงานสุดยอดมากๆ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ในเวลาแค่ 5 เดือนเองครับ

สไตล์การเล่นที่โดดเด่น

ทูเคิลชอบให้ทีมครองบอลและเล่นเกมรุกอย่างมีประสิทธิภาพครับ เขาใช้แผนการเล่นฟุตบอลที่ยืดหยุ่นได้ทั้ง 3-4-2-1 หรือ 4-3-3 ปรับเปลี่ยนไปตามเกมครับ เขาชอบใช้นักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง และให้ความสำคัญกับการรับที่แน่นหนาควบคู่ไปกับการรุกที่หลากหลายครับ

เขาเป็นโค้ชที่วิเคราะห์คู่แข่งละเอียดยิบมากๆ ครับ เลยทำให้ทีมมีแผนเฉพาะตัวในแต่ละนัดเลย นอกจากนี้เขายังเก่งเรื่องสร้างบรรยากาศที่ดีในทีม และจัดการกับนักเตะที่มีความต้องการต่างกันได้เยี่ยมมากครับ นี่แหละครับที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในโค้ชระดับท็อปที่วงการฟุตบอลยอมรับกันทั่วโลกเลยครับ


เป็นยังไงกันบ้างครับ ? จากบทความนี้เราได้เห็น โค้ชฟุตบอล ระดับตำนานทั้ง 6 คนนี้แสดงฝีมือกันอย่างยอดเยี่ยมเลยนะครับ แต่ละคนมีสไตล์การคุมทีมที่แตกต่างกันไป แต่ทุกคนประสบความสำเร็จได้ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนครับ ตั้งแต่ Pep Guardiola ยันมาถึง Thomas Tuchel ทุกคนได้พิสูจน์ให้เห็นว่าฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมการแข่งขันธรรมดาครับ แต่มันคือการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ต้องใช้ทั้งหัวใจและสมองในการวางแผน ผมว่านี่แหละครับที่ทำให้พวกเขากลายเป็นตำนานที่แฟนบอลทั่วโลกจดจำไม่รู้ลืมเลยทีเดียว


คำถามที่พบบ่อย

1.โค้ชที่มีสไตล์การวางแผนแตกต่างกันส่งผลต่อทีมยังไงบ้าง?

แต่ละโค้ชมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการวางแผนเกมนะครับ ซึ่งมีผลต่อจุดแข็งของทีมเลยล่ะ อย่างโค้ชที่ชอบครองบอล ก็จะช่วยให้ทีมควบคุมเกมได้ดีขึ้น ส่วนโค้ชที่ถนัดเกมรับ ก็จะทำให้แนวรับของทีมแน่นปึ้กเลยครับ

2.ทำไมบางครั้งการเปลี่ยนโค้ชถึงส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของทีม?

พอมีโค้ชใหม่เข้ามา นักเตะก็ต้องปรับตัวกับแท็คติคและวิธีการเล่นใหม่ๆ ครับ แต่ถ้าโค้ชมีวิสัยทัศน์ชัดเจน ก็สามารถพลิกฟอร์มทีมให้ดีขึ้นได้เลยนะครับ

3.มีโค้ชคนไหนบ้าง ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องมีซูเปอร์สตาร์ในทีม?

ต้องยกให้ Diego Simeone ของแอตเลติโก มาดริด เลยครับ เขาสร้างทีมที่แกร่งและสู้ได้กับทุกทีม โดยไม่จำเป็นต้องมีดาวดังเต็มทีม แค่ใช้แท็คติคที่เฉียบคมและสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูงครับ

4.โค้ชแบบไหนที่เหมาะกับการสร้างความสำเร็จระยะยาว?

โค้ชที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวต้องเก่งหลายด้านเลยครับ ทั้งการพัฒนานักเตะ มีวิสัยทัศน์ในการสร้างทีม และมีแผนการที่ยั่งยืน ที่สำคัญต้องปรับเปลี่ยนแผนได้ตามสถานการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมได้อย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ

Scroll to Top